ถึงตอนนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทีมปีศาจแดงมาเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้วครับผลงานในทุกรายการของกุนซือผู้นี้ เป็นลงเล่น 63 นัดหมาย ชนะ 32 เสมอ 14 แล้วก็แพ้ 17คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะคู่ปรับได้เพียงแค่ 50% เพียงแค่นั้นน้อยกว่า เดวิด มอยส์ (52.94%) เสียอีก
ไม่ว่าจะในฐานะของเด็กผีหรือในฐานะของคอลัมนิสต์ลูกหนัง ผมเห็นว่าเขายังมือไม่ถึง และก็คงไม่ใช่คนที่จะลากปีศาจแดงกลับมาจากป่าช้า
แม้กระนั้นดูเหมือนจะทุกครั้งที่กล่าวถึงความไม่เหมาะสมในตำแหน่งผู้จัดการทีมปีศาจแดงของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็มักจะมีฝ่ายสนับสนุนคุณน้าลูกอมยกมือขึ้นประท้วงพลางยืนขึ้นย้อนอดีตว่าตอน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขึ้นมาเป็นบิดาใหญ่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ใหม่ๆผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันก็ย่ำแย่แล้วก็แย่แบบงี้ล่ะ หรืออาจทุเรศมากกว่าด้วย
ถามว่ามันเป็นเรื่องใช่หรือไม่?
อืมมมมมม...นะ
เฟอร์กี้ควรจะถูกไล่ออก โอเล่ควรจะได้อยู่ต่อ
แทนที่จะตอบปัญหาว่า “จริง” หรือ “ไม่จริง” ผมว่าผมนำทุกคนทวนเข็มนาฬิกากลับไปในอดีตกาลตอนนู้นพร้อมเลยดีมากกว่า เพื่อจะได้เห็นภาพที่คมชัดมากขึ้น
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บนวัน 45 กะรัต เดินทางมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อรับตำแหน่งกุนซือซาตานแดง เมื่อพฤศจิกายน 1986
ฤดูแรกที่เขาเข้ามาคุมกลุ่มแทน รอน แอตกินสัน – แมนฯ ยูไนเต็ด จบด้วยชั้นที่ 11 บนตาราง
ย้ำอีกครั้งว่าชั้นที่ 11 ของตาราง
ฤดูถัดมา (1987-88) เป็นฤดูแรกที่กุนซือชาวสก๊อตต์ผู้นี้ได้คุมกลุ่มแบบเต็มตัวตั้งแต่ต้นฤดู โดยมีเวลาเตรียมตัวในตอนปิดฤดูกาลแบบเต็มพิกัด
อาการของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดียิ่งขึ้นแบบผิดหูผิดตา แม้จะไม่พอต่อการท้าอำนาจของ หงส์แดง เจ้าพ่อบอลอังกฤษในสมัยนั้น แถมมิได้ลุ้นแย่งแชมป์อะไรกับหงส์แดงด้วย แต่ก็จบมากถึงชั้น 2 ของตาราง
พูดง่ายๆว่าจากชั้นที่สิบเบ็ดในฤดูกาลแรกกระโดดพรวดเดียวขึ้นมาเป็น “รองแชมป์” เลย
แววตาของผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงเริ่มเปล่งประกายระยิบระยับ – ฟรุ้งฟริ้ง & มุ้งมิ้ง ยิ่งนัก (รวมถึงฉัน เอ๊ย ผมด้วย)
แต่ฤดูต่อมา อาการกลับทรุดหนักลงไปซะแบบงั้น
ฤดู 1988-89 แมนฯ ยูไนเต็ด จากการทำงานของ “เฟอร์กี้” ล่วงหล่นลงไปอยู่ในชั้นที่ 11 ของตารางอีกรอบประหนึ่งการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา
ผนังก้นลายหนังไก่ของกุนซือชายหนุ่มใหญ่อย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เริ่มร้อนผะผ่าวขึ้นเรื่อยโดยว่ากันว่าฤดู 1989-90 นี่แหละที่จะเป็นตัวชี้ชะตาว่าเขาจะอยู่หรือไป
ผลงานในลีกสูงสุดของพลพรรคปีศาจแดงในช่วงฤดูกาล 1989-90 ยังคงผีเข้า–ผีออก รวมทั้ง 3 วันดี 4 วันไข้ ดังเดิมจนถึงเปลี่ยนเป็นกลุ่มกึ่งกลางตารางตั้งแต่ครึ่งแรกของฤดูกาล เหตุการณ์ของผู้เป็นผู้จัดการทีมเริ่มฉุกเฉิน รวมทั้งได้โอกาสถูกไล่ออกจากตำแหน่งได้ทุกครั้ง
ล่วงเข้าปีใหม่ 1990 แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องออกไปเยี่ยม น๊อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 ซึ่งถ้าหากเสียท่าพ่าย แล้วก็โดนเขี่ยไม่เข้ารอบอย่างรวดเร็ว อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจจะโดนเชือดแน่ๆเพราะว่าไม่เหลืออะไรให้ลุ้นอีกต่อไปแล้ว
การศึกตอนนั้นมีการถ่ายทอดสดกลับมาที่เมืองไทยด้วยครับผม รูปเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นรอง ก่อนที่จะดาวรุ่งอย่าง มาร์ค โรบินส์ จะซัลโวประตูชัยให้ปีศาจแดงบุกไปคว้าชัยได้อย่างเฉียวฉิว
เฟอร์กี้ควรจะถูกไล่ออก โอเล่ควรจะได้อยู่ต่อ
ขูดความจำได้ว่ามันเป็นความมีชัยที่ยิ่งใหญ่มากมาย เพราะถ้าหากแพ้หมายถึงความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ แถมในสมัยนู้น เอฟเอ คัพ ยังคงมีความหมาย รวมทั้งเป็นถ้วยอันมีเกียรติ ไม่เหมือนกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
แมนฯ ยูไนเต็ด ตะลุยผ่านไปครั้งละรอบและก็ครั้งละรอบจนแปลงเป็นว่าชะตาของ “เฟอร์กี้” ขึ้นกับผลงานใน เอฟเอ คัพ โดยยิ่งไปกว่านั้น
จนถึงได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ได้เสร็จ ไม่เฉพาะแต่จะเป็นแชมป์แรกของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฐานะกุนซืออสุรกายแดง มันยังช่วยทำให้เขาได้อยู่ต่อในตำแหน่ง แม้ว่าจะจบฤดูด้วยชั้นที่ 13 ของตารางก็ตาม
มาร์ติน เอ๊ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสรของ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้การในภายหลังว่าแม้กระทั่งพลาดแชมป์ เขาก็อาจจะไม่ไล่ “เฟอร์กี้” ออกมาจากตำแหน่ง เพียงผมไม่เคยเชื่อ รวมทั้งคิดว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องโดนไล่ออก เนื่องจากเหตุผลที่กำลังจะได้อยู่ถัดไปมันน้อยมากถึงน้อยมาก–ขอบอก
หากเป็นยุคนี้ สมัยที่โลกถูกครอบครองด้วยระบบโซเชี่ยล มีเดีย ที่ใครกันแน่และก็ใครได้รับอนุญาตให้แสดงสัญชาติญาณดิบ เถื่อน รวมทั้งสถุลหมาของตัวเอง เพื่อทำร้ายจิตใจคนอื่นๆได้อย่างอิสระ
บอกได้คำเดียวครับว่า “เละ“
บางที อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บางทีอาจคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไม่เกิน 3 ฤดู แล้วถูกเบื้องบนไล่ออกตามแบบแผน
อย่างไรก็แล้วแต่
ผมขอใช้คำนี้แล้วกันนะครับว่ามันต่างกรรม–ต่างวาระ
เพราะยุคนู่นกับยุคนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สมัยนู้นยังไม่มีโลกโซเชี่ยล
โถ…อย่าว่าแต่ว่าโลกโซเชี่ยลเลยนะครับคุณ เพียงแค่ถ่ายทอดสดบอลลีกสูงสุดของอังกฤษทางทีวีก็ยังไม่มีเลย แม้กระทั้งในประเทศอังกฤษเอง (เพราะเขาต้องการให้แฟนบอลออกไปดูที่สนาม)
เฟอร์กี้ควรจะถูกไล่ออก โอเล่ควรจะได้อยู่ต่อ
แฟนบอลจะเห็นทีมตนเองในโทรทัศน์จากรายการไฮไลท์ในคืนวันเสาร์ “แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์” ทางช่อง BBC ส่วนแฟนบอลชาวไทยได้เห็นทีมรักของตนจากไฮไลท์ในรายการ “ชั่วโมงระทึกใจ” ให้เสียงภาษาไทย โดย ย.โย่ง ทางช่อง 7 สี พลางใช้จินตนาการจากการอ่านนิตยสาร “สตาร์ซอคเกอร์” ที่ออกทุกวันจันทร์
เมื่อการสื่อสารยังมีข้อกำหนด กระแสไล่ส่งไม่รุนแรงอะไรมากมาย บอร์ดบริหารไม่พบความกดดันมากนัก เทียบกับยุคนี้แล้วคนละเรื่องเดียวกันเลย
แต่ว่าเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยเซฟตูดของป๋าไม่ให้โดนกะซวกด้วยเลื่อยไฟฟ้าอย่างโหดร้ายมากนัก เป็นคำว่า “ความเชื่อถือ” ของแฟนบอล
“ความเชื่อ” อันมีสาเหตุจากผลงานของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนมาคุมปีศาจร้ายแดง
อเบอร์ดีน เป็นกลุ่มสุดท้ายจนกระทั่งตอนนี้ที่โค่นอำนาจของ 2 พญายักษ์ที่กลาสโกว์ได้เสร็จ ก่อนประกาศอำนาจด้วยการกำราบ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ
เด็กผีส่วนใหญ่ในสมัยนู้นจึงมีความคิดว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นกุนซือที่อุดมด้วยความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งได้โอกาสนำความสำเร็จคืนมาสู่สมาพันธ์
รวมทั้งที่สำมะคัญอีกประการเป็นตอนนู่น แมนฯ ยูไนเต็ด ห่างเหินจากการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีแล้ว แถมผ่านการตกชั้นและก็เลื่อนชั้นเป็นที่เป็นระเบียบ ความหวังก็เลยมิได้สูงอะไรมากมายก่ายกอง และไม่ได้อยู่ในสถานะลักษณะเดียวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ปัจจุบันนี้ที่ดูอย่างกับว่าจะจมไม่ลง เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกพี่ๆเขากำลังกลับมา แถมอริร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้ ยังเผยอหน้าขึ้นมาแสยะยิ้มแล้วเอาสีฟ้าทาเมืองแมนเชสเตอร์
ตอนนู้น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ในสถานะของกลุ่มที่จะต้องลุ้นแชมป์ โลกเน่าๆของพวกเราก็ยังผิดครอบครองด้วยระบบโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค
ต่อเมื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอาตัวรอดจากตอนวิกฤตได้เสร็จ
จากนั้นเป็นตำนาน
มองเห็นไหมขอรับว่ามันต่างบาปต่างวาระ
ในเมื่อมันต่างกรรมต่างวาระ ก็น่าจะเอามาเทียบกันมิได้
เฟอร์กี้ควรจะถูกไล่ออก โอเล่ควรจะได้อยู่ต่อ
ด้วยเหตุว่าถ้าอยากเปรียบเทียบกันแบบต่างบาป–ต่างวาระ
“เฟอร์กี้” ก็สมควรถูกขับไล่เสมือน “โอเล่” และก็ “โอเล่” ก็เหมาะสมได้รับเวลาเหมือนกันกับ “เฟอร์กี้”
สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบันในพรีเมียร์ลีกแล้วก็นาทีนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในชั้นที่ 5 ของตาราง โดยตามหลัง เชลซี อยู่เพียงแค่ 5 แต้ม นับว่ายังมีลุ้นติดท็อปโฟร์ทั้งยังในภาคทฤษฎีแล้วก็ภาคปฏิบัติ
บางคราวพวกเขาอาจจบฤดูกาลนี้ด้วยชั้น 4 หรืออย่างต่ำก็คงจะอยู่ในชั้น 5 ชั้น 6 หรืออย่างห่วยแตกที่สุดก็คงจะไม่หลุดไปจากชั้นที่ 7 ของตาราง
อย่างต่ำก็ไม่น่าจะตกลงไปอยู่ในครึ่งล่างของตารางราวกับฤดูแรกของ “เฟอร์กี้”
ฉะนั้น & ฉะนี้
ก็เลยพอจะสรุปได้ว่าผลงานของ โอเล่ กุนท้องนาร์ โซลชา ในตอนนี้ดีมากกว่าในตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมกลุ่มในช่วงฤดูกาลแรกอย่างแน่แท้ขอรับ
แม้เทียบอย่างงั้น เพื่อความยุติธรรม ผู้จัดการทีมไวกิ้งผู้นี้ก็ควรจะได้รับเวลาถัดไปอีกอย่างต่ำๆ2-3 ฤดูแล้วค่อยมาวินิจฉัยกันอีกรอบดังที่กุนซือชาวสก๊อตต์เคยได้รับโอกาส
เพียงผมขอถามบรรดาผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงกลับไปบ้างว่า…
แล้วคุณมี “ความเชื่อ” ว่า โอเล่ กุนทุ่งนาร์ โซลชา จะกอบกู้ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้กลับมาเหมือนที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำสำเร็จได้หรือไม่ล่ะ ???
สนใจสมัครร่วมเดิมพันได้ที่ FIFA55
ติดตามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ทีเด็ดฟุตบอล